Our Article
ความเปราะบางของอุตสาหกรรม
แรงงานในภาคการท่องเที่ยว บริการไทย...
และการปรับใช้แนวคิดความพลวัต
แรงงานในภาคการท่องเที่ยว บริการไทย...
และการปรับใช้แนวคิดความพลวัต
year 2020
Share on facebook
Facebook
Share on google
Google+
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn
Share on whatsapp
WhatsApp
เขียนโดย คุณนนทฤทธิ์ เพชรานนท์
ภาพโดย คุณญาดา พรชำนิ

เมื่อรัฐบาลหลายประเทศ รวมถึงไทยมีการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด19 อย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นมาตรการปิดเมือง (Lockdown) และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ต้องหยุดชะงักอย่างไม่ทันตั้งตัว รวมถึงรายได้ของธุรกิจลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจมีผลให้ธุรกิจที่ไม่สามารถประบตัวต่อวิกฤตได้ทันจำเป็นต้องหยุดกิจการชั่วคราวหรือปิดตัวลง มากไปกว่านั้นยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานผ่านชั่วโมงการทำงานที่ลดลง การหยุดงานชั่วคราว หรือการเลิกจ้างงาน

อ้างอิงจาก KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร พบว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่มแรงงานที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างฉับพลันสูงสุดคงหนีไม่พ้นแรงงานที่อยู่นอกระบบ เนื่องจากการจ้างงานมากกว่าครึ่งหนึ่งในตลาดแรงงานไทยนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร บันเทิงและนันทนาการ ค้าปลีกและค้าส่ง ที่มีการจ้างงานนอกระบบสูงกว่าค่าเฉลี่ยและยังเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติ COVID-19 สูงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น การจ้างงานกว่า 70% ในโครงสร้างแรงงานไทยเป็นการจ้างงานในธุรกิจ SME ที่มักมีสถานะการเงินและทางเลือกในการระดมทุนจำกัดกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ อีกทั้งการจ้างงานของ SME ส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจาก COVID-19 หากพิจารณาว่าภาคธุรกิจใดจะได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใดจากวิกฤติในครั้งนี้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจว่ามีความอ่อนไหวเพียงใดต่อภาวะเศรษฐกิจและมาตรการของภาครัฐ โดยใช้เกณฑ์ 3 ด้านในการพิจารณาความรุนแรงของผลกระทบ ได้แก่ (1) ธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็น (discretionary spending) ซึ่งจะถูกตัดออกจากการใช้จ่ายเป็นลำดับต้น ๆ ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย (2) ความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจจากที่บ้าน (work from home) และ (3) ความสามารถในการขายสินค้าหรือบริการแก่ลูกค้าภายใต้การรักษาระยะห่างทางสังคม (value delivery under social distancing) การประเมินภายใต้เกณฑ์นี้พบว่า ภาคธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบต่อการจ้างงานมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ธุรกิจบันเทิงและนันทนาการ การขนส่ง การค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
